ไม่มีอะไรมากครับ อยากจะแชร์ประสบการณ์จริงให้ทุกคนได้อ่านครับ

ผมเป็นคนนึงที่ (ตอนนี้) ยังเป็น มนุษย์เงินเดือนอยู่ และคงอีกซักพักที่จะหลุดออกจากตรงนี้ไปได้ เรื่องราวของผมต้องท้าวความไปไกลมากครับ ผมเป็นเด็กเชียงใหม่ เกิด/โต/เรียนที่เชียงใหม่ ตลอดจนจบ ป.ตรี ที่ มช. จริงๆ ทุกคนไม่รู้หรอกว่าอยากเรียนอะไร ต้อนเอ็นทรานซ์ ก็เอ็นตามพ่อแม่ชอบครับ ผมจบ วิศวคอมฯ มา ทั้งๆที่ ผม ไม่ชอบคอมิวเตอร์เลย TT พ่อของผมอยากให้เรียนหมอ/วิศวะ ในรุ่นของผม ผมเป็นคนเดียวที่ติดวิศวะแล้วตั้งหน้าตั้งตาไปเรียนชีวะ เพื่อสอบหมอครับ 55 แต่สุดท้ายก็ได้วิศวะคอมฯ และก็จบวิศวะคอมฯ ด้วย เกียรตินิยม อันดับที่ 1 เพียงเพราะให้พ่อภูมิใจ แต่ทุกวันนี้ผมเข้าใจแล้วครับ ว่าทำไมพ่ออยากให้เรียน 55 เรามาเข้าเรื่องตาม Topic กันเลยน่ะครับ 55 ไปไกลเกินละ
ในระหว่างเรียนนั้นผมสนิทกับเพื่อนคนนึงมาก ซึ่งเพื่อนผมมีธุรกิจรับเหมาทำถนนอยู่แล้ว เค้าเรียนวิศวะโยธาครับ ^^ ผมเรียนคอม เรา 2 คนคิดอยู่เสมอว่าจบมาทำอะไรดี ... เป็นคำถาม ที่ทุกคนต้องเคยตั้งคำถาม?? จริงไม๊ 55 แต่เรารู้อย่างเดียวว่า เรามีวิชาชีพติดตัว เท่านั้นเอง สมัยนั้นประมาณ 6 ปีที่แล้ว เราคิดว่า เราจะทำ ... ตู้น้ำหยอดเหรียญ, ตู้ซักผ้าหยอดเหรียญ, ร้านคอม ร้าน อินเตอร์เน็ต ร้านอาหาร.. บลา ๆๆ ๆ แต่ ... สายของเราจบมาไม่สามารถครับ 55 เราต่างต้องไปทำในสิ่งที่ตนเรียนมา (หรือเปล่า) ?? นั่นเป็นความจริงครับ และแล้ว ก็เป็นเช่นนั้น ผมต้องเข้ามาหางานทำที่ กทม ครับ (เพราะสายงามผมในเวลานั้น เงินเดือนต่างกันเยอะ) ชีวิตในเมืองหลวงแตกต่างจากเชียงใหม่มากครับ ทั้งค่าครองชีพ อาหารการกิจ และการเดินทาง ทุกๆอย่างเป็นเงินไปหมด ยอมรับว่าลำบากจริงๆ ผมเริ่มต้นที่เงินเดือน 18,000 บาท (หักทุกอย่างแล้ว) เหลือ 16K กว่าๆเอง TT แต่ผมก็ยังกินใช้เที่ยวเหมือนปกติ ที่อยู่เชียงใหม่ ก้าวแรกที่มาใน กทม รวยมากๆ มีเงินติดมา 30,000 บาท (จากโครงงานที่ทำไว้ตอนเรียน) เลยเหลือเงิน ครับ แต่... ชีวิต กรุงเทพ มันก็หมดภายใน 2 เดือนแรก เศร้าจริงๆ ใครเป็นเด็ก ตจว น่าจะเข้าใจ
เวลาผ่านไป 1 ปี ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ผมคิดว่า ผมอยู่แบบนี้ไม่ได้ครับ เงินไม่เคยเหลือเก็บ เดือนชนเดือนจริงๆ แต่โชคดี ที่แฟนของผมค่อยช่วยอุ้ม ช่วยเหลือมาตลอดให้ผมรอดได้.. ทุกๆ เดือน (ตอนนี้เป็นภรรยา ที่น่ารักแล้วครับ 55) 1 ปีผ่านไป อนาคตของผม มืดมาก ๆ อยากเดินตามความฝัน .. (ฝันว่า อยากเป้นนักร้อง นักแสดง 555) แต่ไม่ใช่เลย จน !! เพื่อนสนิทผมคนนั้นเปิดร้านเบียร์ไปเรียบร้อยละครับ เค้าก็ชวนผม แต่ตอนนั้นทุนไม่มี เงินไม่เหลือ เลยไม่ได้ทำด้วย และ อยู่ กทมอีก ช่วยอะไรไม่ได้ครับ ร้านตอนนี้เปิดได้ 4 ปีละครับ แต่ก็จนได้ เค้าใช้เวลา เพียง 4 เดือน คืนทุนครับ ^^ (ผมอดเสียดายไม่ได้เลย) แต่เพื่อนยังไงก็เป็นเพื่อนครับ เค้าชวนผม ให้ร่วมลงทุนทำสนามฟุตซอลครับ ที่เชียงใหม่ ครั้งนี้ผมไม่พลาดครับ ด้วยเงิน 1 แสนบาท (ผมไม่มีเงินน่ะครับ) ผมได้โบนัสจากที่ทำงานส่วนหนึ่ง + รับจ้างเขียนเว็บให้สนามครับก็เลย ได้ถือหุ้นเล็กๆ น้อยๆของสนามครับ แต่ก็ภูมิใจครับ ที่ได้ นับ 1 กับธุรกิจแล้ว
ต่อมาโอกาสก็เข้ามาหาผมครับ คือผู้ถือหุ้นเดิมของร้านเบียร์เพื่อนผม ขายหุ้น ครั้งนี้ผมไม่รอแล้วครับ จำเป็นต้องขอยืม "ทุนพม" (ทุน พ่อแม่ 55) บ้างหล่ะ ผมกวาดซื้อหุ้น จนผมกับเพื่อนสนิทของผมรวมกันแล้ว ถือหุ้นใหญ่ ได้สิทธิการบริหาร ครั้งนี้แหล่ะครับ ผมได้เรียนรู้ในการบริหารร้าน และ ทำทุกๆ อย่าง ทุกๆ ส่วนในร้านอาหาร ครับ ตั้งแต่บริการ สินค้า เหล้าเบียร์ บาร์ ครัว บัญชี Stock และ Marketing ครับ แต่ ... ผมก็ยังอยู่ กทม ครับ (ร้านอยู่เชียงใหม่) นั้นถือว่าเป็นธุรกิจที่ 2 ครับ (ดีใจมากๆ) ยอมรับว่าเหนื่อยมากๆ หลังเลิกงาน ไม่มีเวลาขยับตัวเลย ครับ ต้องซื้อตั้ว Airasia บินไปกลับ เชียงใหม่ แทบทุกอาทิตย์ ครับ
จากนั้น ครอบครัวของผม ซึ่งมีพี่และอดีตแฟนของพี่ชาย ได้ทำร้านไอศครีม โดยใช้ความรู้จากฝั่งพ่อของผมเรื่องไอศครีม (ท่านโครตเก่ง) , อดีตแฟนของพี่ผมซึ่งเป็นสถาปนิค (เทพมาก) กำลังจะขยายธุรกิจ ร้านไอศครีม (เค้าเปิดหนลังมช. ในซอย และกำลังย้ายทำให้ใหญ่ขึ้น) ครั้งนี้ พี่ชายผม ท่านเป็นหนึ่งในบุคคลที่สร้างชีวิตใหม่ของผม ได้ดึงผมและน้องช่วยเข้ามาบริหารงานร้านไอศครีม ซึ่งน้องชายของผมนำเอาความรู้จากที่เรียนวิศวะฯ เครื่องกล ดูแลฝ่ายผลิตทั้งหมด โดยมีให้ทางฝั่งพี่ชายบริหารและทำการตลาดทั้งหมดครับ ตัวผมเอง เข้าไปเรียนรู้ทุกๆ วิชา ตั้งแต่ผลิต จนถึง ตักไอติม แต่ .. มันไม่ใช่ 555 หน้าที่ผมคือ สร้างระบบขึ้นมาใช้ในร้าน (สายงานตรงของผมเลย) แต่บอกไปว่า ผมไม่ชอบเขียนโปรแกรม ไม่ชอบ Hardware ไม่ชอบ Network (ซึ่งเป็นสายเรียนของวิศวะคอม 55) ตั้งนั้นผมจำตัดสินใจเปลี่ยนเลือกสายใหม่คือ BI (Business Intelligence) และจบมาก็ทำงานสายนี้ครับ กลับมาร้านไอติมกันต่อครับ ผมก็ได้คิดระบบขึ้นมา เพื่อกันการโกง ของทุกภาคฝ่ายและให้ผมตรวจสอบได้ คือผมทำระบบ Restaurant Online System ขึ้นมาครับ ซึ่งเป็นระบบร้านอาหารแบบ Real time และมี เจ้าตัว BI เนี่ยและช่วยวิเคราะห์ข้อมูล และ Auto Email หาฝ่ายบริหาร << และตัวนี้ปรับใช้กับร้านเบียร์ ของผมด้วยน่ะครับ 555 (ทุกวันนี้ มีเมลมาเยอะมากจากระบบผม) นั้นก็เลยกลายเป็น ธุรกิจที่ 3 (ซึ่งผมก็ยังอยู่ กทม ครับ) เหนื่อยมากครับ 555
และแล้ว การที่เราได้ลงมือทำ และทำจริง เราจึงมองเห็นช่องทาง การจัดจำหน่ายครับ (ขายส่ง) ผมก็กับเพื่อนสนิทผมคนเดิมครับ (เหมือนเราก้าวออกมา 1 ก้าว ครับ) สิ่งที่ผมทำคือ ผมเปิดบริษัทขายส่งเบียร์ต่างประเทศครับ โดยการ Deal กับผู้นำเข้า โดยตรง (คำถามคือผมไปถึงตรงนั้นได้อย่างไร) ตอนนั้นธุรกิจที่ 4 ของผมจะเกิดผมอายุ 25 ปีครับ สิ่งค้าที่มีคือ เบียร์ต่างประเทศหลายๆ แบรนด์ และลูกค้าส่วนใหญ่คือพี่ๆ น้องเพื่อนที่รู้จักกันครับ (การทำธุรกิจกับคนรู้จัก จะไม่โต เท่ากับ เราเปิดธุรกิจกับคนที่ไม่รู้จักครับ) ธุรกิจขายส่งเบียร์นอกนั้น เป็นธุรกิจที่ 4 ครับ ซึ่งขายเฉพาะเชียงใหม่อย่างเดียว แต่แล้ว ... คนเราต้องก้าวไปครับ เพื่อนสนิทของผมเป็นคนที่มองได้ไกลมาก รวมไปถึงภรรยาของผมให้การสนับสนุนครับ เลยทำให้ผมกล้าที่จะคุยกับผู้นำเข้าเบียร์ ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีหลายๆ ท่าน ที่ทำให้ผมก้าวไปได้ และขอเป็นตัวแทนจำหน่ายเบียร์ต่างประเทศทั้งภาคเหนือครับ ทำให้บริษัทผมโตขึ้นมาก เพราะ ลูกค้าจะมากขึ้น แต่ตลาดเบียร์นอกอย่างเดียวทำยากครับ เพราะราคาสูงกว่าเบียร์ไทย ทำให้ผมต้องหาธุรกิจเพิ่มเพื่อให้สามารถเลี้ยงพนักงานได้ ครั้งนี้เราจึงเล็งไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่นครับ (ไม่ได้เปิดร้านน่ะครับ 55) ขายส่ง Salmon + อาหารแช่แข็ง นั้นเอง เราเอาวิชา Deal กับผู้นำเข้าอีกตามเคย นั่นคือ ธุรกิจที่ 5 ครับ แต่ก็ยังไม่เพียงพอ กับค่าพนักงาน + ค่าเช่าบริษัท เราจึง ... นำเอาโปรแกรมที่ผมสร้างขึ้นมาที่ใช้กับร้านไอศครีมที่แรก ขายครับ ครั้งนี้ ระบบ Online จะได้รายเดือนส่วนของค่าเช่า Sever และ Service ตลอด 24 ชั่วโมง และเริ่มขายให้คนที่รู้จัก (ในวงการร้านอาหารด้วยกันครับ) จนตอนนี้ ก็เพียงพอให้ บ. อยู่ได้ครับ + ได้รายรับรายเดือนด้วย (แต่ก็ยังเล็กอยู่ครับ ไม่มีเวลาหา ลค เพิ่ม) ก็เลยเป็นธุรกิจที่ 6 ครับ ใช้ลูกค้าเดียวกับ เซลมอลและเบียร์ครับ จากนั้น สิ่งที่อาจจะว่ามันเล็กแต่ก็ไม่เล็กน่ะครับ บ.ก็ได้ Deal เอาถุงดำ ?? จากโรงงานมา และขายให้กับลูกค้าเดิมของเรา ซึ่ง ลองคิดดูน่ะครับ ว่าทุกร้าน !! ต้องใช้ถุงดำครับ เหมือนจะเล็ก แต่ก็กวาด Margin ได้ครับ นี่ก็เป็นธุรกิจที่ 7 ครับ 55 เหนื่อยน่ะครับ แต่ต้องหาเลี้ยงครอบครัว...
ความคิดของมนุษย์คิดได้ แต่ทำได้ไม๊ เป็นอีกเรื่องน่ะครับ ถ้าคุณลงมือทำแล้วคุณจะรู้ว่า สิ่งที่คุณทำนั้นมันสร้างประสบการณ์และต่อยอดไปได้ครับ
เข้าเรื่องกันต่อน่ะครับ จากการที่เราเป็นตัวแทนจำหน่ายเบียร์ต่างประเทศหลายๆ แบรนด์ เลยเกิดคำถามว่า ทำไมถึงไม่ลองเป็นผู้นำเข้าเองบ้างหล่ะ Idea นี้เกิดขึ้นมานานมากแล้วตั้งแต่เปิดร้านเบียร์ครับ และแล้วเพื่อนสนิทผม ก็ได้เล็งเห็นช่องทางอีกแล้ว !! ครั้งนี้ใหญ่มากแล้วครับ จากที่เราขายอยู่แค่ภาคเหนือ ครั้งนี้ ตลาดของเราใหญ่ขึ้นคือ ทั้งประเทศไทยครับ และเราได้นำเข้าเบียร์ตัวหนึ่งเข้ามาสำเร็จครับ ถ้าถึงไทยแล้ว คอเบียร์จะได้กินเบียร์ที่อร่อยมากๆตัวนึงของประเทศเลยครับ และนี่คือธุรกิจที่ 8 ครับ เหนื่อยเหมือนกัน แต่ก็ลุยครับ เพื่ออนาคต
ยังจำธุรกิจที่ 1 ผมได้อยู่ไม๊ เล่ามานานมาก คือสนามฟุตซอลใช่ไม๊ 55 เค้าเปิดให้เช่า ห้องแถวทีโครงการครับ ครั้งนี้ Idea ของผมกับเพื่อนคือ อยากจะหลุดออกจากธุรกิจแอลกอฮอล และโดดไปเล่นเรื่องของสุขภาพครับ เราเช่าไว้ 3 ห้องครับ ห้องที่ 1 เราใช้ในการผลิต Bakery ธุรกิจนี้เราจะผลิต บราวนี่ เอแคร์ ขายส่งให้ร้านที่เป็นลูกค้าเรา รวมไปถึงขายเข้าร้านไอศครีมของตัวเองได้ และเป็นส่วนหนึ่งของการผลิตไอศครีมครับ นี่คือธุรกิจที่ 9 ครับ อีก 2 ห้องเราเปิดเป็นร้านหมูจุ่มสุขภาพครับ ขอบอกเลยว่าน้ำซุปอร่อยมากๆ ครับ และหมูจุ่มนี้เป็นธุรกิจที่ 10 ครับ และบ.ผมก็ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายหลอดไฟ เอดิสัน ที่กำลังฮิตอยู่ตอนนี้ ขายทั้งภาคเหนือครับ เป็นสายงานธุรกิจที่ 11 ครับ รอสิ่งใหม่ๆ เข้ามาตลอดครับ
ตั้งแต่เรียนจบมา ผมได้เที่ยว ผมได้ทำ ผมได้แรงสนับสนุน ผมได้กำลังใจจากคนรอบข้างเสมอครับ และที่สำคัญคือ ทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของผม มีพระคุณกับผมมากๆ ครับ แต่ก็อย่าลืมการทำบุญน่ะครับ ผมกับน้องพนักงานได้มีการจัดกิจกรรม แบ่งกำไรทำบุญ ตลอดครับ มนุษย์เงินเดือนแบบเรา ก็สามารถหลุดออกจากกรอบที่มี ชั่วโมงการทำงาน 8 ชั่วโมงได้ครับ
สรุปสิ่งที่ผมได้สร้างมาในช่วงเวลาที่เป็นมนุษย์เงินเดือน
1. สนามฟุตซอลเชียงใหม่ซุเปอร์ลีค มี 2 สนามใหญ่
2. ร้านอาหาร/เบียร์ Neighborhood Nimman 17 ตอนนี้เปิดมา 4 ปีแล้ว ^^
3. ร้าน I like Ice Cream กำลังขยายไปแล้ว 4 สาขา
4. ร้าน Circlelifes Chiang mai (ขายส่งเบียร์นอกทั้งภาคเหนือ)
- เบียร์นอก
- เซลมอล + อาหารแช่แข็ง
- ถุงดำโรงงาน
- ระบบร้านอาหาร Online
5. บริษัท Primator Thaland (กรุงเทพ)
6. ร้าน I "am" Hungry Cafe (เวลาหิว คิดถึงเรา !!)
7. ร้าน Kor's Bakery (ขายส่ง Bakery + โรงเรียนสอน ในอนาคต)
8. หลอดไฟเอดิสัน Alva's light
ขอบคุณธุรกิจที่ผ่านเข้ามาน่ะครับ ทำให้น้องๆ หลายๆ คนมีรายได้เลี้ยงครอบครัวครับ แต่ละธุรกิจ มีความสัมพัธ์กันหมดครับ ทั้งใช้ลูกค้าร่วมกัน ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ที่ผมเขียนเอง และขายด้วย ตอนนี้ ปี 2014 ผมอายุ 27 ปี ผมแต่งงานแล้วมีภรรยาที่ดี ที่น่ารัก เริ่มต้นกับผมตั้งแต่ผมยังไม่มีอะไรเลย จนวันนี้ ผมซื้อบ้าน ซื้อรถด้วยเงินของผมเอง (แต่ยังเป็นหนี้ "พม" อยู่คับ 55 ยืมท่านมาลงทุน) และผมมีลูกค้ากว่า 60 ร้าน + พนักงานหลายสิบคน ที่ต้องดูแล และที่สำคัญ ผมยังเป้นมนุษย์เงินเดือน ต้องทำงาน 8 ชั่วโมง เหมือนๆกับทุกคนอยู่ครับ ... หลายคนถามว่าทำไม?? อยากรู้คำตอบ รอภาคต่อไปน่ะครับ
ปล. ถ้าคิดจะทำอะไรขอให้ตั้งใจและทำมันจนกว่าจะทำไม่ได้ ความสามารถของคนไม่มีขีดจำกัดครับ หลุดออกจากกรอบนั้นให้ได้ครับ ขอบคุณครับ ^^
ทำไมมนุษย์เงินเดือน ถึงมีธุรกิจของตัวเอง ซัก 10 อย่าง ไม่ได้ ??
ผมเป็นคนนึงที่ (ตอนนี้) ยังเป็น มนุษย์เงินเดือนอยู่ และคงอีกซักพักที่จะหลุดออกจากตรงนี้ไปได้ เรื่องราวของผมต้องท้าวความไปไกลมากครับ ผมเป็นเด็กเชียงใหม่ เกิด/โต/เรียนที่เชียงใหม่ ตลอดจนจบ ป.ตรี ที่ มช. จริงๆ ทุกคนไม่รู้หรอกว่าอยากเรียนอะไร ต้อนเอ็นทรานซ์ ก็เอ็นตามพ่อแม่ชอบครับ ผมจบ วิศวคอมฯ มา ทั้งๆที่ ผม ไม่ชอบคอมิวเตอร์เลย TT พ่อของผมอยากให้เรียนหมอ/วิศวะ ในรุ่นของผม ผมเป็นคนเดียวที่ติดวิศวะแล้วตั้งหน้าตั้งตาไปเรียนชีวะ เพื่อสอบหมอครับ 55 แต่สุดท้ายก็ได้วิศวะคอมฯ และก็จบวิศวะคอมฯ ด้วย เกียรตินิยม อันดับที่ 1 เพียงเพราะให้พ่อภูมิใจ แต่ทุกวันนี้ผมเข้าใจแล้วครับ ว่าทำไมพ่ออยากให้เรียน 55 เรามาเข้าเรื่องตาม Topic กันเลยน่ะครับ 55 ไปไกลเกินละ
ในระหว่างเรียนนั้นผมสนิทกับเพื่อนคนนึงมาก ซึ่งเพื่อนผมมีธุรกิจรับเหมาทำถนนอยู่แล้ว เค้าเรียนวิศวะโยธาครับ ^^ ผมเรียนคอม เรา 2 คนคิดอยู่เสมอว่าจบมาทำอะไรดี ... เป็นคำถาม ที่ทุกคนต้องเคยตั้งคำถาม?? จริงไม๊ 55 แต่เรารู้อย่างเดียวว่า เรามีวิชาชีพติดตัว เท่านั้นเอง สมัยนั้นประมาณ 6 ปีที่แล้ว เราคิดว่า เราจะทำ ... ตู้น้ำหยอดเหรียญ, ตู้ซักผ้าหยอดเหรียญ, ร้านคอม ร้าน อินเตอร์เน็ต ร้านอาหาร.. บลา ๆๆ ๆ แต่ ... สายของเราจบมาไม่สามารถครับ 55 เราต่างต้องไปทำในสิ่งที่ตนเรียนมา (หรือเปล่า) ?? นั่นเป็นความจริงครับ และแล้ว ก็เป็นเช่นนั้น ผมต้องเข้ามาหางานทำที่ กทม ครับ (เพราะสายงามผมในเวลานั้น เงินเดือนต่างกันเยอะ) ชีวิตในเมืองหลวงแตกต่างจากเชียงใหม่มากครับ ทั้งค่าครองชีพ อาหารการกิจ และการเดินทาง ทุกๆอย่างเป็นเงินไปหมด ยอมรับว่าลำบากจริงๆ ผมเริ่มต้นที่เงินเดือน 18,000 บาท (หักทุกอย่างแล้ว) เหลือ 16K กว่าๆเอง TT แต่ผมก็ยังกินใช้เที่ยวเหมือนปกติ ที่อยู่เชียงใหม่ ก้าวแรกที่มาใน กทม รวยมากๆ มีเงินติดมา 30,000 บาท (จากโครงงานที่ทำไว้ตอนเรียน) เลยเหลือเงิน ครับ แต่... ชีวิต กรุงเทพ มันก็หมดภายใน 2 เดือนแรก เศร้าจริงๆ ใครเป็นเด็ก ตจว น่าจะเข้าใจ
เวลาผ่านไป 1 ปี ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ผมคิดว่า ผมอยู่แบบนี้ไม่ได้ครับ เงินไม่เคยเหลือเก็บ เดือนชนเดือนจริงๆ แต่โชคดี ที่แฟนของผมค่อยช่วยอุ้ม ช่วยเหลือมาตลอดให้ผมรอดได้.. ทุกๆ เดือน (ตอนนี้เป็นภรรยา ที่น่ารักแล้วครับ 55) 1 ปีผ่านไป อนาคตของผม มืดมาก ๆ อยากเดินตามความฝัน .. (ฝันว่า อยากเป้นนักร้อง นักแสดง 555) แต่ไม่ใช่เลย จน !! เพื่อนสนิทผมคนนั้นเปิดร้านเบียร์ไปเรียบร้อยละครับ เค้าก็ชวนผม แต่ตอนนั้นทุนไม่มี เงินไม่เหลือ เลยไม่ได้ทำด้วย และ อยู่ กทมอีก ช่วยอะไรไม่ได้ครับ ร้านตอนนี้เปิดได้ 4 ปีละครับ แต่ก็จนได้ เค้าใช้เวลา เพียง 4 เดือน คืนทุนครับ ^^ (ผมอดเสียดายไม่ได้เลย) แต่เพื่อนยังไงก็เป็นเพื่อนครับ เค้าชวนผม ให้ร่วมลงทุนทำสนามฟุตซอลครับ ที่เชียงใหม่ ครั้งนี้ผมไม่พลาดครับ ด้วยเงิน 1 แสนบาท (ผมไม่มีเงินน่ะครับ) ผมได้โบนัสจากที่ทำงานส่วนหนึ่ง + รับจ้างเขียนเว็บให้สนามครับก็เลย ได้ถือหุ้นเล็กๆ น้อยๆของสนามครับ แต่ก็ภูมิใจครับ ที่ได้ นับ 1 กับธุรกิจแล้ว
ต่อมาโอกาสก็เข้ามาหาผมครับ คือผู้ถือหุ้นเดิมของร้านเบียร์เพื่อนผม ขายหุ้น ครั้งนี้ผมไม่รอแล้วครับ จำเป็นต้องขอยืม "ทุนพม" (ทุน พ่อแม่ 55) บ้างหล่ะ ผมกวาดซื้อหุ้น จนผมกับเพื่อนสนิทของผมรวมกันแล้ว ถือหุ้นใหญ่ ได้สิทธิการบริหาร ครั้งนี้แหล่ะครับ ผมได้เรียนรู้ในการบริหารร้าน และ ทำทุกๆ อย่าง ทุกๆ ส่วนในร้านอาหาร ครับ ตั้งแต่บริการ สินค้า เหล้าเบียร์ บาร์ ครัว บัญชี Stock และ Marketing ครับ แต่ ... ผมก็ยังอยู่ กทม ครับ (ร้านอยู่เชียงใหม่) นั้นถือว่าเป็นธุรกิจที่ 2 ครับ (ดีใจมากๆ) ยอมรับว่าเหนื่อยมากๆ หลังเลิกงาน ไม่มีเวลาขยับตัวเลย ครับ ต้องซื้อตั้ว Airasia บินไปกลับ เชียงใหม่ แทบทุกอาทิตย์ ครับ
จากนั้น ครอบครัวของผม ซึ่งมีพี่และอดีตแฟนของพี่ชาย ได้ทำร้านไอศครีม โดยใช้ความรู้จากฝั่งพ่อของผมเรื่องไอศครีม (ท่านโครตเก่ง) , อดีตแฟนของพี่ผมซึ่งเป็นสถาปนิค (เทพมาก) กำลังจะขยายธุรกิจ ร้านไอศครีม (เค้าเปิดหนลังมช. ในซอย และกำลังย้ายทำให้ใหญ่ขึ้น) ครั้งนี้ พี่ชายผม ท่านเป็นหนึ่งในบุคคลที่สร้างชีวิตใหม่ของผม ได้ดึงผมและน้องช่วยเข้ามาบริหารงานร้านไอศครีม ซึ่งน้องชายของผมนำเอาความรู้จากที่เรียนวิศวะฯ เครื่องกล ดูแลฝ่ายผลิตทั้งหมด โดยมีให้ทางฝั่งพี่ชายบริหารและทำการตลาดทั้งหมดครับ ตัวผมเอง เข้าไปเรียนรู้ทุกๆ วิชา ตั้งแต่ผลิต จนถึง ตักไอติม แต่ .. มันไม่ใช่ 555 หน้าที่ผมคือ สร้างระบบขึ้นมาใช้ในร้าน (สายงานตรงของผมเลย) แต่บอกไปว่า ผมไม่ชอบเขียนโปรแกรม ไม่ชอบ Hardware ไม่ชอบ Network (ซึ่งเป็นสายเรียนของวิศวะคอม 55) ตั้งนั้นผมจำตัดสินใจเปลี่ยนเลือกสายใหม่คือ BI (Business Intelligence) และจบมาก็ทำงานสายนี้ครับ กลับมาร้านไอติมกันต่อครับ ผมก็ได้คิดระบบขึ้นมา เพื่อกันการโกง ของทุกภาคฝ่ายและให้ผมตรวจสอบได้ คือผมทำระบบ Restaurant Online System ขึ้นมาครับ ซึ่งเป็นระบบร้านอาหารแบบ Real time และมี เจ้าตัว BI เนี่ยและช่วยวิเคราะห์ข้อมูล และ Auto Email หาฝ่ายบริหาร << และตัวนี้ปรับใช้กับร้านเบียร์ ของผมด้วยน่ะครับ 555 (ทุกวันนี้ มีเมลมาเยอะมากจากระบบผม) นั้นก็เลยกลายเป็น ธุรกิจที่ 3 (ซึ่งผมก็ยังอยู่ กทม ครับ) เหนื่อยมากครับ 555
และแล้ว การที่เราได้ลงมือทำ และทำจริง เราจึงมองเห็นช่องทาง การจัดจำหน่ายครับ (ขายส่ง) ผมก็กับเพื่อนสนิทผมคนเดิมครับ (เหมือนเราก้าวออกมา 1 ก้าว ครับ) สิ่งที่ผมทำคือ ผมเปิดบริษัทขายส่งเบียร์ต่างประเทศครับ โดยการ Deal กับผู้นำเข้า โดยตรง (คำถามคือผมไปถึงตรงนั้นได้อย่างไร) ตอนนั้นธุรกิจที่ 4 ของผมจะเกิดผมอายุ 25 ปีครับ สิ่งค้าที่มีคือ เบียร์ต่างประเทศหลายๆ แบรนด์ และลูกค้าส่วนใหญ่คือพี่ๆ น้องเพื่อนที่รู้จักกันครับ (การทำธุรกิจกับคนรู้จัก จะไม่โต เท่ากับ เราเปิดธุรกิจกับคนที่ไม่รู้จักครับ) ธุรกิจขายส่งเบียร์นอกนั้น เป็นธุรกิจที่ 4 ครับ ซึ่งขายเฉพาะเชียงใหม่อย่างเดียว แต่แล้ว ... คนเราต้องก้าวไปครับ เพื่อนสนิทของผมเป็นคนที่มองได้ไกลมาก รวมไปถึงภรรยาของผมให้การสนับสนุนครับ เลยทำให้ผมกล้าที่จะคุยกับผู้นำเข้าเบียร์ ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีหลายๆ ท่าน ที่ทำให้ผมก้าวไปได้ และขอเป็นตัวแทนจำหน่ายเบียร์ต่างประเทศทั้งภาคเหนือครับ ทำให้บริษัทผมโตขึ้นมาก เพราะ ลูกค้าจะมากขึ้น แต่ตลาดเบียร์นอกอย่างเดียวทำยากครับ เพราะราคาสูงกว่าเบียร์ไทย ทำให้ผมต้องหาธุรกิจเพิ่มเพื่อให้สามารถเลี้ยงพนักงานได้ ครั้งนี้เราจึงเล็งไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่นครับ (ไม่ได้เปิดร้านน่ะครับ 55) ขายส่ง Salmon + อาหารแช่แข็ง นั้นเอง เราเอาวิชา Deal กับผู้นำเข้าอีกตามเคย นั่นคือ ธุรกิจที่ 5 ครับ แต่ก็ยังไม่เพียงพอ กับค่าพนักงาน + ค่าเช่าบริษัท เราจึง ... นำเอาโปรแกรมที่ผมสร้างขึ้นมาที่ใช้กับร้านไอศครีมที่แรก ขายครับ ครั้งนี้ ระบบ Online จะได้รายเดือนส่วนของค่าเช่า Sever และ Service ตลอด 24 ชั่วโมง และเริ่มขายให้คนที่รู้จัก (ในวงการร้านอาหารด้วยกันครับ) จนตอนนี้ ก็เพียงพอให้ บ. อยู่ได้ครับ + ได้รายรับรายเดือนด้วย (แต่ก็ยังเล็กอยู่ครับ ไม่มีเวลาหา ลค เพิ่ม) ก็เลยเป็นธุรกิจที่ 6 ครับ ใช้ลูกค้าเดียวกับ เซลมอลและเบียร์ครับ จากนั้น สิ่งที่อาจจะว่ามันเล็กแต่ก็ไม่เล็กน่ะครับ บ.ก็ได้ Deal เอาถุงดำ ?? จากโรงงานมา และขายให้กับลูกค้าเดิมของเรา ซึ่ง ลองคิดดูน่ะครับ ว่าทุกร้าน !! ต้องใช้ถุงดำครับ เหมือนจะเล็ก แต่ก็กวาด Margin ได้ครับ นี่ก็เป็นธุรกิจที่ 7 ครับ 55 เหนื่อยน่ะครับ แต่ต้องหาเลี้ยงครอบครัว...
ความคิดของมนุษย์คิดได้ แต่ทำได้ไม๊ เป็นอีกเรื่องน่ะครับ ถ้าคุณลงมือทำแล้วคุณจะรู้ว่า สิ่งที่คุณทำนั้นมันสร้างประสบการณ์และต่อยอดไปได้ครับ
เข้าเรื่องกันต่อน่ะครับ จากการที่เราเป็นตัวแทนจำหน่ายเบียร์ต่างประเทศหลายๆ แบรนด์ เลยเกิดคำถามว่า ทำไมถึงไม่ลองเป็นผู้นำเข้าเองบ้างหล่ะ Idea นี้เกิดขึ้นมานานมากแล้วตั้งแต่เปิดร้านเบียร์ครับ และแล้วเพื่อนสนิทผม ก็ได้เล็งเห็นช่องทางอีกแล้ว !! ครั้งนี้ใหญ่มากแล้วครับ จากที่เราขายอยู่แค่ภาคเหนือ ครั้งนี้ ตลาดของเราใหญ่ขึ้นคือ ทั้งประเทศไทยครับ และเราได้นำเข้าเบียร์ตัวหนึ่งเข้ามาสำเร็จครับ ถ้าถึงไทยแล้ว คอเบียร์จะได้กินเบียร์ที่อร่อยมากๆตัวนึงของประเทศเลยครับ และนี่คือธุรกิจที่ 8 ครับ เหนื่อยเหมือนกัน แต่ก็ลุยครับ เพื่ออนาคต
ยังจำธุรกิจที่ 1 ผมได้อยู่ไม๊ เล่ามานานมาก คือสนามฟุตซอลใช่ไม๊ 55 เค้าเปิดให้เช่า ห้องแถวทีโครงการครับ ครั้งนี้ Idea ของผมกับเพื่อนคือ อยากจะหลุดออกจากธุรกิจแอลกอฮอล และโดดไปเล่นเรื่องของสุขภาพครับ เราเช่าไว้ 3 ห้องครับ ห้องที่ 1 เราใช้ในการผลิต Bakery ธุรกิจนี้เราจะผลิต บราวนี่ เอแคร์ ขายส่งให้ร้านที่เป็นลูกค้าเรา รวมไปถึงขายเข้าร้านไอศครีมของตัวเองได้ และเป็นส่วนหนึ่งของการผลิตไอศครีมครับ นี่คือธุรกิจที่ 9 ครับ อีก 2 ห้องเราเปิดเป็นร้านหมูจุ่มสุขภาพครับ ขอบอกเลยว่าน้ำซุปอร่อยมากๆ ครับ และหมูจุ่มนี้เป็นธุรกิจที่ 10 ครับ และบ.ผมก็ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายหลอดไฟ เอดิสัน ที่กำลังฮิตอยู่ตอนนี้ ขายทั้งภาคเหนือครับ เป็นสายงานธุรกิจที่ 11 ครับ รอสิ่งใหม่ๆ เข้ามาตลอดครับ
ตั้งแต่เรียนจบมา ผมได้เที่ยว ผมได้ทำ ผมได้แรงสนับสนุน ผมได้กำลังใจจากคนรอบข้างเสมอครับ และที่สำคัญคือ ทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของผม มีพระคุณกับผมมากๆ ครับ แต่ก็อย่าลืมการทำบุญน่ะครับ ผมกับน้องพนักงานได้มีการจัดกิจกรรม แบ่งกำไรทำบุญ ตลอดครับ มนุษย์เงินเดือนแบบเรา ก็สามารถหลุดออกจากกรอบที่มี ชั่วโมงการทำงาน 8 ชั่วโมงได้ครับ
สรุปสิ่งที่ผมได้สร้างมาในช่วงเวลาที่เป็นมนุษย์เงินเดือน
1. สนามฟุตซอลเชียงใหม่ซุเปอร์ลีค มี 2 สนามใหญ่
2. ร้านอาหาร/เบียร์ Neighborhood Nimman 17 ตอนนี้เปิดมา 4 ปีแล้ว ^^
3. ร้าน I like Ice Cream กำลังขยายไปแล้ว 4 สาขา
4. ร้าน Circlelifes Chiang mai (ขายส่งเบียร์นอกทั้งภาคเหนือ)
- เบียร์นอก
- เซลมอล + อาหารแช่แข็ง
- ถุงดำโรงงาน
- ระบบร้านอาหาร Online
5. บริษัท Primator Thaland (กรุงเทพ)
6. ร้าน I "am" Hungry Cafe (เวลาหิว คิดถึงเรา !!)
7. ร้าน Kor's Bakery (ขายส่ง Bakery + โรงเรียนสอน ในอนาคต)
8. หลอดไฟเอดิสัน Alva's light
ขอบคุณธุรกิจที่ผ่านเข้ามาน่ะครับ ทำให้น้องๆ หลายๆ คนมีรายได้เลี้ยงครอบครัวครับ แต่ละธุรกิจ มีความสัมพัธ์กันหมดครับ ทั้งใช้ลูกค้าร่วมกัน ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ที่ผมเขียนเอง และขายด้วย ตอนนี้ ปี 2014 ผมอายุ 27 ปี ผมแต่งงานแล้วมีภรรยาที่ดี ที่น่ารัก เริ่มต้นกับผมตั้งแต่ผมยังไม่มีอะไรเลย จนวันนี้ ผมซื้อบ้าน ซื้อรถด้วยเงินของผมเอง (แต่ยังเป็นหนี้ "พม" อยู่คับ 55 ยืมท่านมาลงทุน) และผมมีลูกค้ากว่า 60 ร้าน + พนักงานหลายสิบคน ที่ต้องดูแล และที่สำคัญ ผมยังเป้นมนุษย์เงินเดือน ต้องทำงาน 8 ชั่วโมง เหมือนๆกับทุกคนอยู่ครับ ... หลายคนถามว่าทำไม?? อยากรู้คำตอบ รอภาคต่อไปน่ะครับ
ปล. ถ้าคิดจะทำอะไรขอให้ตั้งใจและทำมันจนกว่าจะทำไม่ได้ ความสามารถของคนไม่มีขีดจำกัดครับ หลุดออกจากกรอบนั้นให้ได้ครับ ขอบคุณครับ ^^